หลักสูตรการพูดในที่สาธารณะสำหรับผู้บริหารระดับสูง
ในวันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 9.00-16.00 น.
ณ ห้องประชุมพาณิชย์สัมพันธ์ ชั้น 11
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ตึกริมน้ำ
วิทยากร :
1. ผศ. ดร. สุกัญญา สมไพบูลย์ หัวหน้าภาควิชาวาทวิทยาสื่อสารการแสดง
คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ
2. นายเกรียงไกร ฟูเกษม ผู้เชี่ยวชาญการฝึกอบรมด้านการสื่อสาร บริษัท
กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ตึกริมน้ำ
วิทยากร :
1. ผศ. ดร. สุกัญญา สมไพบูลย์ หัวหน้าภาควิชาวาทวิทยาสื่อสารการแสดง คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ
2. นายเกรียงไกร ฟูเกษม ผู้เชี่ยวชาญการฝึกอบรมด้านการสื่อสาร บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)
1. ผศ. ดร. สุกัญญา สมไพบูลย์ หัวหน้าภาควิชาวาทวิทยาสื่อสารการแสดง คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ
2. นายเกรียงไกร ฟูเกษม ผู้เชี่ยวชาญการฝึกอบรมด้านการสื่อสาร บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)
Link วิดีทัศน์ หลักสูตรการพูดในที่สาธารณะสำหรับผู้บริหารระดับสูง
ช่วงบ่าย
(แตะที่รูป)
https://youtu.be/oxDv_f24cpo
(แตะที่รูป)
https://youtu.be/oxDv_f24cpo

1. วิธีการฝึกอบรม
การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ
โดยผู้บรรยาย คือ ผศ. ดร. สุกัญญา สมไพบูลย์ หัวหน้าภาควิชา วาทวิทยาสื่อสารการแสดง
คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายเกรียงไกร ฟูเกษม
ผู้เชี่ยวชาญการฝึกอบรมด้านการสื่อสาร บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ซึ่งให้ความรู้และการฝึกปฏิบัติเป็นกลุ่มและรายบุคคล ในเรื่องการพูดในที่สาธารณะสำหรับผู้บริหารระดับสูงและการเตรียมข้อมูลสำหรับบุคลากรผู้จัดเตรียมข้อมูล
2. สรุปเนื้อหาการอบรม
2.1 การพูดในที่สาธารณะเป็น Story telling และ Story doing
-
ผู้พูดต้องเข้าใจผู้ฟังด้วย เช่น กรณีแพทย์พูดกับคนไข้อย่างไร ให้ทั้งคนไข้และญาติรู้สึกดี
- ผู้พูดต้องอยู่กับผู้ฟังตรงหน้า เพื่อสื่อความถึงผู้ฟัง
ทั้งแบบกลุ่มและแบบ Interpersonal
- สติของผู้พูดจะหยุดถ้าต้องออกไปพูดด้านหน้า จึงต้องฝึกพูด
- เรื่องสำคัญของการพูดอยู่ที่การขึ้นต้นและลงท้าย
2.2 การเริ่มฝึกพูด
2. สรุปเนื้อหาการอบรม
2.1 การพูดในที่สาธารณะเป็น Story telling และ Story doing
- ผู้พูดต้องเข้าใจผู้ฟังด้วย เช่น กรณีแพทย์พูดกับคนไข้อย่างไร ให้ทั้งคนไข้และญาติรู้สึกดี
- ผู้พูดต้องอยู่กับผู้ฟังตรงหน้า เพื่อสื่อความถึงผู้ฟัง
ทั้งแบบกลุ่มและแบบ Interpersonal - สติของผู้พูดจะหยุดถ้าต้องออกไปพูดด้านหน้า จึงต้องฝึกพูด
- เรื่องสำคัญของการพูดอยู่ที่การขึ้นต้นและลงท้าย
-
ผู้ที่เริ่มฝึกพูดต้อง Transform ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทันทีได้
-
การเตรียมตัวก่อนพูด ต้องสร้างนิสัย เช่น ยิ้ม โดยเริ่มจากการมีความคิดที่จะยิ้ม และตามด้วยการปฏิบัติ Action จนเป็น Behavior และ Habit ในที่สุด
-
ผู้พูดต้องเตรียมภาวะการนำตัวเอง ไม่พูดถึงเรื่องที่ผิดพลาดขณะพูด เช่น ถูกโห่รักษามารยาทการพูด และต้องมี Self esteem หรือการฝึกเพื่อควบคุมไม่ให้มีความเชื่อมั่นมากเกินไป และพูดขอบคุณ เพื่อสร้างบรรยากาศเชิงบวก
-
Train the self
- ผู้ที่เริ่มฝึกพูดต้อง Transform ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทันทีได้
- การเตรียมตัวก่อนพูด ต้องสร้างนิสัย เช่น ยิ้ม โดยเริ่มจากการมีความคิดที่จะยิ้ม และตามด้วยการปฏิบัติ Action จนเป็น Behavior และ Habit ในที่สุด
- ผู้พูดต้องเตรียมภาวะการนำตัวเอง ไม่พูดถึงเรื่องที่ผิดพลาดขณะพูด เช่น ถูกโห่รักษามารยาทการพูด และต้องมี Self esteem หรือการฝึกเพื่อควบคุมไม่ให้มีความเชื่อมั่นมากเกินไป และพูดขอบคุณ เพื่อสร้างบรรยากาศเชิงบวก
- Train the self
2.3 การพูดในที่สาธารณะ ประกอบด้วยการพูดหน้าที่ชุมชน
และการพูดทางสื่อสารมวลชน
2.4 ประเภทของการพูดหน้าที่ชุมชน
- แบ่งตามจำนวนผู้พูด ประกอบด้วย การพูดเดี่ยว และการพูดเป็นคณะ
- แบ่งตามโอกาส ประกอบด้วย การพูดแบบเป็นทางการ และการพูดแบบไม่เป็นทางการ
- แบ่งตามวิธีพูด ประกอบด้วย Impromptu Speech พูดแบบกระทันหัน Memorize
Speech พูดแบบท่องจำ Extemporaneous Speech
พูดแบบมีโครงสร้าง/ประเด็นอยู่แล้ว Reading
from Menuscript พูดแบบดูจากกระดาษโน้ต
2.5 การพูดในที่สาธาณะเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ในการสื่อสาร
ซึ่งจะต้องใช้ IDEA สิ่งที่เป็นแนวคิด
ข้อมูลเนื้อหาที่จำเป็นต่อการนำเสนอ ผสมผสานกับ STLYE ลักษณะเฉพาะตัวในการสร้างสรรค์
เพื่อให้การนำเสนอน่าสนใจมากขึ้น
ซึ่งการทำให้การพูดมีประสิทธิภาพนั้นต้องประกอบดวย เนื้อหา รูปแบบเฉพาะตัว
และเวลาที่เหมาะสม
2.6 การเตรียมตัวก่อนพูดมี 5 องค์ประกอบ ตาม CICERO’s Five Canons : Invention, Arrangement, Style, Memory, Delivery
- Invention ผู้พูดต้องเข้าใจวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมของผู้ฟัง คือ เข้าใจ ยอมรับ คล้อยตาม/ปฏิบัติตาม ซึ่งแบ่งเป็น Informative ให้ข้อมูล Persuasive จูงใจ และ Entertaining ทำให้เพลิดเพลินสนุกสนาน มีวิธีการประมวลความคิด ประกอบด้วย เรียงตาม WH Questions ชี้ให้เห็นข้อดีข้อเสีย การแสดงให้เห็นขั้นตอน แสดงให้เห็น อดีต ปัจจุบัน อนาคต ชี้ให้เห็น ปัญหา สาเหตุ และทางแก้ไข
- Arrangement Monroe’s Motivated Sequence ประกอบด้วย Attention การทำให้ผู้ฟังสนใจ Need ดูความต้องการของผู้ฟัง Satisfaction พิจารณาแนวทางสนองความต้องการของผู้ฟัง Visualization แสดงให้ผู้ฟังเห็นว่าเขาได้ประโยชน์อย่างไรจากแนวทางที่นำเสนอ Action แสดงให้เห็นถึงแนวทางนั้น
- Style ระดับของการสร้างและส่งสาร To teach แบบเรียบง่าย To Preach แบบปานกลาง To move แบบโอฬาริก โดยใช้อวัจนภาษาประกอบ
- Memory นำ เนื้อ เนียน การจดจำประเด็น โดยมีการใช้ Key Message นำ และมีเนื้อหาตัวอย่าง แผนภูมิ ภาพ และเนียน คือใช้ภาษิต วาทะ เรื่องเล่า ฯลฯ เพื่อให้การนำเสนอน่าสนใจ
- Delivery การถ่ายทอดออกมาทางเสียงและภาษากาย
ประกอบด้วย Vocal Expression น้ำเสียง Facial
Expression สีหน้า Posture Movement and gesture ท่าทาง และ Physical appearance หรือ
การเคลื่อนไหวร่างกายและบุคลิกภาพภายนอก ให้เป็นธรรมชาติไม่เกร็ง
2.7 ท่ายืนที่ดี
เวลาพูด คือ ยืนตัวตรงสบาย ๆ ไม่เกร็งตามข้อต่อต่าง ๆ ให้จัดเรียงกระดูกให้สมดุลเป็นไปอย่างธรรมชาติสามารถทรงตัวได้ ตั้งตรงได้
ยืนให้เท้าทั้งสองข้างรับน้ำหนักเท่ากัน ปล่อยแขนสบาย ๆ ข้างลำตัวหรือประสานมือไว้ข้างหน้า
การใช้ท่าทางเพื่อการสื่อสาร คือ กิริยาการใช้มือหรือร่างกายเพื่อเสริมการสื่อความหมายประกอบการพูดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
หาทำมากเกินไป จะทำให้การสื่อสารไม่ประสบความสำเร็จและเบี่ยงเบนความสนใจของผู้ฟัง
2.8 การใช้สายตาควรแบ่งผู้ฟังเป็น 3 โซน
(กลาง/ซ้าย/ขวา) และควรใช้ภาษากายภายในกรอบสายตาของตนเอง
2.9 สรุปประเด็นการพูด เข้าใจสิ่งที่พูด (In) เรื่องที่พูดเกี่ยวข้องกับเราอย่างไร
(Inner) ผู้ฟัง มีส่วนเกี่ยวข้องกับเราอย่างไร (Involve)
3.ผลการฝึกอบรม
3.1 วัตถุประสงค์ของการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาผู้บริหารระดับสูงของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศระดับผู้อำนวยการสำนักขึ้นไป และผู้จัดเตรียมข้อมูลในเรื่องการพูดสาธารณะ เพื่อให้ผู้บริหารสามารถสื่อสารกับสาธารณชน สื่อมวลชนและกลุ่มเป้าหมายอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.ผลการฝึกอบรม
3.1 วัตถุประสงค์ของการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาผู้บริหารระดับสูงของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศระดับผู้อำนวยการสำนักขึ้นไป และผู้จัดเตรียมข้อมูลในเรื่องการพูดสาธารณะ เพื่อให้ผู้บริหารสามารถสื่อสารกับสาธารณชน สื่อมวลชนและกลุ่มเป้าหมายอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.2 ผู้เข้ารับการฝึกอบรม
42 รายประกอบด้วย ผู้บริหารระดับสูง จำนวน 3 ราย ผู้อำนวยการสำนัก จำนวน 6 ราย และเจ้าหน้าที่ จำนวน 33 ราย
3.3 ผลการประเมินจากผู้เข้ารับการฝึกอบรม
- ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 35 ราย
- การประเมินโครงการ ผู้เข้ารับการอบรมมีความพึงพอใจในการฝึกอบรมครั้งนี้โดยรวมร้อยละ 94.29 ความรู้ ความเข้าใจในเนื้อหาก่อนเข้าร่วมการอบรมร้อยละ 53.71 หลังเข้าร่วมการอบรมร้อยละ 88.48 เนื้อหาเป็นประโยชน์และสอดคล้องกับการปฏิบัติงานของบุคลากรร้อยละ 92.57 ความเหมาะสมของวิธีการจัดอบรมร้อยละ 92 ความเหมาะสมของระยะเวลาร้อยละ 91.43 ความเหมาะสมของสื่อโสตทัศนูปกรณ์และเอกสารประกอบร้อยละ 85.71
- การประเมินวิทยากร ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ ความสามารถหรือประสบการณ์ ร้อยละ 95.43 ความสามารถในการถ่ายทอด/สื่อสารให้เข้าใจได้อย่างชัดเจนร้อยละ 96 ความเหมาะสมของวิทยากรโดยรวมร้อยละ 96.57
- ประโยชน์จากการเข้าร่วมกิจกรรม การจัดอบรมนี้เป็นการส่งเสริมการสร้างคุณค่าให้กับบุคลากรของกรมให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ากับทรัพยากรที่เสียไปร้อยละ 93.14
สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปเผยแพร่/ถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้ ร้อยละ 90.59 ประโยชน์จากการเข้าร่วมอบรมในภาพรวมร้อยละ 94.86
4. ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ
จัดกิจกรรมต่อเนื่อง
อาทิ Design Thinking, Emphathy การแต่งหน้า จิตวิทยา การทำงานของสมอง ฯลฯ
ผู้จัดทำ
กลุ่มงานพัฒนาบุคลากรและคุ้มครองจริยธรรม
สำนักบริหารกลาง
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
โทร. 025078133
ขอขอบพระคุณ
ภาพถ่ายและวิดีทัศน์จากสำนักประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร
ผู้จัดทำ
กลุ่มงานพัฒนาบุคลากรและคุ้มครองจริยธรรม
สำนักบริหารกลาง
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
โทร. 025078133
ขอขอบพระคุณ
ภาพถ่ายและวิดีทัศน์จากสำนักประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร