วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2562

หลักสูตรพิธีการรับรองแขกต่างประเทศ

หลักสูตร “พิธีการรับรองแขกต่างประเทศ” 
วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน 2562 เวลา 9.00-16.00 น.
ณ ห้องประชุมบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ 


วิทยากร : นายปรีชา แก่นสา อดีตกงสุลใหญ่ ณ เมืองกัลกัตตา และ
อดีตผู้อำนวยการกองรับรอง กรมพิธีการฑูต กระทรวงการต่างประเทศ



   ภาพถ่ายการอบรมพิธีการรับรองแขกต่างประเทศ 
              



                              










วิดีทัศน์พิธีการรับรองแขกต่างประเทศ

ช่วงที่ 1 (ช่วงเช้า) แตะที่รูป


https://youtu.be/Z9O8G9Arzmk






ช่วงที่ 2  แตะที่รูป

https://www.youtube.com/watch?v=j2RW7t-P0J8






ช่วงที่ 3 ช่วงบ่าย แตะที่รูป

https://www.youtube.com/watch?v=uX4qU5JSwx0



เอกสารประกอบการบรรยาย Download
เอกสารเพิ่มเติม Guide to Asean Practices and Protocal  Download

1.  วิธีการฝึกอบรม                        
การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ โดยวิทยากร คือ นายปรีชา แก่นสา อดีตกงสุลใหญ่ ณ เมืองกัลกัตตา และอดีตผู้อำนวยการกองรับรอง กรมพิธีการฑูต กระทรวงการต่างประเทศ โดยมีผู้เข้าร่วมการอบรม จำนวน 92 ราย       
         
2. สรุปเนื้อหาการอบรม
                        
2.1 งานพิธีการฑูต คือ ระเบียบแบบแผนหรือขนบธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ผู้แทนแห่งรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ทางการฑูตจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพื่อให้เกิดความมีมารยาทระหว่างประเทศ โดยมีความมุ่งหมายที่จะกำหนดแนวทางปฏิบัติให้แต่ละคนที่ทำหน้าที่ทางการฑูตของแต่ละประเทศให้ได้รับเกียรติ ความปลอดภัยและความสะดวกสบายอันเหมาะสมและถูกต้องกับฐานะของตน ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับธรรมเนียมต่าง ๆ คือ การให้ความเคารพในเกียรติและศักดิ์ศรีระหว่างประเทศ การจัดลำดับความสำคัญ/ลำดับอาวุโส และการแสดงอัธยาศัยไมตรี    
                
2.2 การเยือนระดับต่าง ๆ ในประเทศ ประกอบด้วย การเยือนในฐานะ พระราชอาคันตุกะและการเยือนในฐานะแขกของนายกรัฐมนตรี (รัฐบาล) จะมีพิธีการต้อนรับเต็มรูปแบบ ส่วนการเยือนในฐานะแขกของรัฐมนตรีหรือแขกกระทรวงจะไม่มีการต้อนรับที่เป็นพิธีการ จะมีเพียงการต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านต่าง ๆ ตามความเหมาะสม    
               
2.3 พิธีการรับรองแขกต่างประเทศ ผู้เป็นเจ้าภาพจะต้องจัดพิธีการต่าง ๆ ดังนี้
  • จัดการต้อนรับและอำนวยความสะดวก
  • จัดพบปะเจรจาหารือข้อราชการ
  • จัดงานเลี้ยงรับรอง                                         
2.4 มารยาททางการฑูต ประกอบด้วย                          

มารยาทในการจัดที่นั่ง
ที่นั่งในการเข้าเยี่ยมคารวะ จัดที่นั่งแบบโซฟา หรือจัดในรูปตัวยู  โดยให้แขกนั่งด้านขวามือของเจ้าภาพ ที่นั่งการประชุมสองฝ่าย จัดที่นั่งรูปตัวไอ ให้หัวหน้าคณะแต่ละฝ่ายนั่งตรงกลางคนละข้าง  ส่วนคณะที่เหลือนั่งตามลำดับ ที่นั่งประชุมหลายฝ่าย  (นานาชาติ) นั่งเรียงตามตัวอักษร โดยอาจจัดที่นั่งในรูปสี่เหลี่ยม โดยเจ้าภาพนั่งหัวโต๊ะ(ทำหน้าที่ประธาน การจัดที่นั่งในรถยนต์ รถเก๋ง ให้ VIP คนที่ 1 นั่งเบาะหลังด้านตรงกันข้ามคนขับ คนที่ 2 ให้นั่งเบาะหลังด้านคนขับ ส่วนเบาะคู่กับคนขับนั้น ให้เป็นที่นั่งของเจ้าหน้าที่ประสานงานหรือเจ้าหน้าที่อารักขา รถตู้ ให้ VIP นั่งเบาะหลังแถวแรก
                        
การประดับธงชาติคู่หรือร่วมกับธงชาติของต่างประเทศ 
ให้ยึดตามพระราชบัญญัติธง พ.ศ. 2522 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการใช้ การชัก หรือการแสดงธงชาติและธงของต่างประเทศในราชอาณาจักร พ.ศ. 2529 แก้ไข พ.ศ. 2546  โดยมีหลักโดยสังเขป คือ ให้ธงชาติอยู่ด้านขวาของธงต่างประเทศ (มองออก) หรือให้ธงชาติอยู่ลำดับที่ 1 หากรวมกับธงชาติแล้วเป็นจำนวนคี่ให้ธงชาติอยู่ตรงกลาง หากเป็นจำนวนคู่ต้องให้ธงชาติอยู่กลางด้านขวา การประดับธงชาติให้โอกาสอื่น ๆ เช่น การประชุมนานาชาติหรือการประชุมองค์การระหว่างประเทศ หรือการแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศ ให้เรียงตามลำดับอักษร หรือเรียงตามลำดับการเป็นสมาชิก หรือให้เป็นไปตามข้อตกลงหรือข้อกำหนดขององค์กรนั้น ๆ การประดับธงชาติร่วมกับธงต่างประเทศสำหรับรถยนต์ให้ปักธงชาติไว้ทางด้านขวา (ด้านคนขับ)                                      

การลงนามความตกลง/บันทึกความเข้าใจ  
มีการจัดเตรียมสถานที่ ธงชาติเล็กตั้งโต๊ะ ธงชาติสองฝ่ายประดับตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2529 แก้ไข พ.ศ. 2546 โดยมีลำดับพิธีลงนาม คือ พิธีการเชิญสักขีพยาน พร้อมด้วยผู้เข้าร่วมพิธีเข้านั่งประจำที่ ณ ห้องลงนาม เจ้าหน้าที่พิธีการเชิญประธานในพิธี/ผู้ลงนามทั้งสองฝ่ายไปยังห้องลงนามและนั่งในที่นั่ง ณ โต๊ะลงนามที่จัดไว้ พิธีกรประกาศเริ่มพิธีลงนาม ผู้ลงนามทั้งสองฝ่ายลงนามและแลกเปลี่ยนความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจ ประธานสัมผัสมือแสดงความยินดีกับผู้ลงนามทั้งสองฝ่าย ประธานในพิธี/ผู้ลงนาม และสักขีพยานดื่มแสดงความยินดี และถ่ายภาพร่วมกัน อนึ่ง ก่อนดื่มแสดงความยินดีอาจมีการกล่าวสุนทรพจน์สั้น ๆ (เจ้าภาพเริ่มก่อน) กรณีประเทศมุสลิมควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  
              
2.5 มารยาทสากลทั่วไป

มารยาทในการทักทายและสัมผัสมือ 
คำทักทายที่ผันเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาของวัน เช่น Good Morning อาจกล่าวเพิ่มเพื่อแสดงอัธยาศัยไมตรี คือ How do you do? เป็นแบบพิธีการและ How are you? สำหรับผู้ที่รู้จักกันแล้ว การสัมผัสมือ สตรีเป็นผู้ยื่นมือให้บุรุษสัมผัส สตรีเป็นผู้ปล่อยมือก่อน ผู้ใหญ่เป็น ผู้ยื่นมือให้ผู้น้อยสัมผัส ผู้ใหญ่เป็นผู้ปล่อยมือก่อน การสัมผัสมือไม่ควรหลวมหรือกระชับแน่นเกินไป ไม่สวมถุงมือในการสัมผัสมือ หากผู้ใหญ่มีความมักคุ้นหรือชอบพอผู้น้อยเป็นพิเศษ อาจเน้นย้ำด้วยการใช้มือซ้ายวางทับบนมือขวาหรือใช้มือซ้ายแตะบ่าขวาของผู้น้อยในขณะที่สัมผัสมือได้ หากผู้น้อยรู้จักผู้ใหญ่เป็นการส่วนตัวมาก่อนและมีความเคารพมาก อาจใช้มือซ้ายซ้อนมือขวาของผู้ใหญ่ในขณะที่สัมผัสมือได้ หลังจากสัมผัสมือแล้วอาจต่อด้วย การสวมกอด การจุมพิต (การจุมพิตมือ จุมพิตแก้ม หรือจุมพิตอากาศ)                       

มารยาทในการเรียกชื่อบุคคล 
ใช้คำนำหน้าชื่อเสมอ อย่างเรียกชื่อต้นหากไม่สนิทสนม อย่าเรียกชื่อย่อ การเรียกตำแหน่งพระราชวงศ์ หรือบุคคลที่มีตำแหน่งสำคัญ อาทิ พระราชวงศ์ His /Her (Your) Majesty นายกรัฐมนตรี His/Her (Your) Excellency, The (Right) Honourable รัฐมนตรี His/Her (Your) Excellency, The Honourable เอกอัครราชฑูต His/Her (Your) Excellency ขุนนางอังกฤษ Sir/Lady ใช้กับชั้นอัศวิน/Knight  Lord/Mrs. ( ใช้กับชั้น Baron)

มารยาทในการแนะนำบุคคล 

การแนะนำบุคคลเป็นภาษาอังกฤษ ใช้เลือกใช้ถ้อยคำที่เหมาะสม คือ พิธีการทางการ ขออนุญาตแนะนำตัว Mr. Director-General , may I present you Mr.Somchai Rakchat ไม่เป็นทางการ Khun Somying, may I introduce you Mr. Somchai แนะนำ ผู้อาวุโสน้อยให้ผู้อาวุโสมากรู้จัก โดยเอ่ยชื่อผู้อาวุโสก่อนแล้วค่อยเอ่ยชื่อผู้ที่ถูกแนะนำภายหลัง  และแนะนำบุรุษให้สตรีรู้จักผู้อาวุโสน้อยให้ผู้อาวุโสมากรู้จัก โดยเอ่ยชื่อผู้อาวุโสก่อนแล้วค่อยเอ่ยชื่อผู้ที่ถูกแนะนำภายหลัง  และแนะนำบุรุษให้สตรีรู้จัก ผู้อาวุโสน้อยให้ผู้อาวุโสมากรู้จัก โดยเอ่ยชื่อผู้อาวุโสก่อนแล้วค่อยเอ่ยชื่อผู้ที่ถูกแนะนำภายหลัง  และแนะนำบุรุษให้สตรีรู้จัก Mrs.Doe,may I introduce to you Mr. Owens เป็นต้น                       

มารยาทในการสนทนา 
มีท่าทีเป็นมิตร เป็นธรรมชาติและผ่อนคลาย เริ่มต้นด้วยการสร้างความสนิทสนมคุ้นเคยด้วยเรื่องทั่ว ๆ ไป แล้วค่อยขยับไปเรื่องอื่นๆ ที่แต่ละฝ่ายมีความสนใจ บางครั้งอาจใช้การสนทนาแบบเรื่องง่าย ๆ (Small Talk) โดยการทักทายและชื่นชม ตามด้วยคำชมเครื่องแต่งกาย/เครื่องประดับ แล้วต่อด้วยเรื่องสภาพแวดล้อมทั่วไป  ไม่จุดชนวนให้เกิดความขัดแย้ง หลีกเลี่ยงหัวข้อสนทนาที่จะทำให้อีกฝ่ายขัดเคืองใจ ซึ่งจะนำไปสู่การทะเลาะวิวาท หัวข้อสนทนา มี 2 ประเภท คือ เรื่องทั่วไป เช่น จราจร อาหาร ดนตรี หนัง กีฬา หนังสือ แฟชั่น การงาน  และเรื่องหนัก เช่น ธุรกิจ การเมือง ศาสนา การเงิน เป็นต้น                       

มารยาทในการแต่งกาย 
ต้องเอาใจใส่เรื่องความสะอาด สุภาพเรียบร้อย พอดีตัว สีสรรและลวดลายไม่ฉูดฉาดเกินไป ถูกต้องตามกาละเทศะ กาลเวลา ยุคสมัย สถานที่และโอกาสที่จะไป เครื่องแต่งกายแบบสากลประกอบด้วย  ชุดลำลอง ชุดลำลองสภาพ ชุดสากล ชุดแบบพิธีการ (กลางวัน,กึ่งพิธีการและพิธีการเต็มยศ) การแต่งกายของสุภาพสตรี จะดูการแต่งกายของสุภาพบุรุษเป็นเกณฑ์ โดยกำหนดความสั้นยาวของกระโปรงตามของสุภาพบุรุษ                

2.6 การจัดงานเลี้ยงทางการฑูต ประเภทของงานเลี้ยง 
ประกอบด้วย งานเลี้ยงรับรองทั่วไป และงานเลี้ยงอาหารกลางวันและอาหารค่ำ                   

ขั้นตอนการเตรียมงานเลี้ยง ประกอบด้วย 

  • กำหนดประเภทและลักษณะของงานเลี้ยง
  • จัดเตรียมรายชื่อแขก
  • บัตรเชิญ (Invitation) จะต้องมีข้อมูลที่สำคัญ คือ เลี้ยงในโอกาสอะไร  ชื่อเจ้าภาพ ระบุชื่อแขกรับเชิญ ชื่องานเลี้ยง วัน เวลาและสถานที่ การแต่งกาย การตอบกลับ 
  • รายการอาหารและปก 
  • รายการอาหารและปก 
  • จัดผังที่นั่งและบัตรวางที่นั่ง                       
มารยาทในการเข้าร่วมงานเลี้ยง คือ ต้องมีเข้าใจความและวัตถุประสงค์ของงานเลี้ยง การตอบรับ-ตอบปฏิเสธบัตรเชิญ ศึกษาขั้นตอนหรือลำดับของงานเลี้ยง หาข้อมูลรูปแบบการจัดโต๊ะอาหาร หาข้อมูลบุคคลสำคัญและจำนวนแขกที่เชิญร่วมงาน และตรียมของขวัญ (หากจำเป็น)                       

มารยาทที่สำคัญในงานเลี้ยง คือ ต้องไปงานเลี้ยงให้ตรงเวลา ทักทายเจ้าภาพและผู้เข้าร่วมงานและอำลาเจ้าภาพ ส่งเสริมบรรยากาศของงาน อย่าอยู่นานเกินไป และอย่าลืมของขวัญและการขอบคุณ (หากไม่เป็นทางการ)                       

มารยาทในโต๊ะอาหาร ควรกินดื่มด้วยความสุภาพเรียบร้อย ให้ถูกต้องตามลักษณะวัฒนธรรม วางตัวให้เหมาะสมในโต๊ะอาหาร โดยร่วมการสนทนาพูดคุยตามสมควร กล่าวสุนทรพจน์ (หากมี)                       

การใช้อุปกรณ์บนโต๊ะอาหารที่ถูกต้อง มีด/ช้อน(อยู่ด้านขวา) ส้อม (อยู่ด้านซ้าย) แก้วน้ำและแก้วไวน์ วางอยู่ด้านขวามือเหนือมีดและช้อน ผ้าเช็ดปากอาจวางอยู่บนจานรองหรือบนโต๊ะข้างส้อม ขนมปังอยู่ด้านซ้ายมือ                       

การรับประทานอาหารประเภทต่างๆ 

  • สลัดควรจะรับประทานโดยใช้ส้อมสลัดหรืออาจใช้มีดกับส้อมช่วยพับสลัด 
  • ซุป ใช้ช้อนซุปตักออกจากตัว ดื่มน้ำซุปข้างช้อน 
  • เนื้อ หรือ ปลา ควรใช้ส้อมและมีด รับประทานทีละชิ้น 
  • สปาเก็ตตี้หรือมักกะโรนี ใช้ช้อนช่วยกับส้อม แต่จะตัดเป็นท่อนแล้วรับประทานไม่ได้ และห้ามรับประทานเสียงดัง 
  • ขนมปังให้บิแต่พอคำ ใช้มีดทาเนยป้ายแล้วรับประทานเป็นคำ ๆ 
  • เกลือและพริกไทย วางอยู่เหนือจาน โดยเกลืออยู่ด้านขวา พริกไทยอยู่ด้านซ้าย เมื่อจำเป็นต้องส่งต่อเกลือหรือพริกไทยจะต้องส่งทั้งสองอย่างไปด้วยกัน แม้จะได้รับการร้องขอเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะทั้งสองอย่างถือเป็นคู่แฝดบนโต๊ะอาหาร 
  • ผลไม้ให้ ใช้ส้อมหรือมีดขึ้นอยู่กับชนิดของผลไม้ บางครั้งสามารถใช้มือก็ได้ 
  • กาแฟ เวลาดื่มอาจจะต้องถือจานรองถ้วยด้วยมือซ้าย จับหูถ้วยด้วยมือขวาและยกขึ้นดื่ม ส่วนช้อนต้องวางไว้ที่จานรอง 
  • ของหวาน สามารถใช้ช้อนหรือส้อมก็ได้ขึ้นอยู่กับชนิดของของหวาน เช่น หากเป็นขนมพายหรือเค้ก ให้ใช้ช้อนหรือส้อม เสร็จแล้วให้วางไว้ในจาน กรณีของหวานเป็นไอศกรีมหรือฟรุ๊ตสลัดที่เสิร์ฟพร้อมจานรอง เมื่อเสร็จแล้วให้วางช้อนไว้ที่จานรอง                  


3. ผลการฝึกอบรม                        

3.1  วัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรม  เพื่อให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการรับรองแขกต่างประเทศ มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องชัดเจนเกี่ยวกับพิธีการรับรองแขกต่างประเทศ หลักในการนั่งรถยนต์ การจัดลำดับอาวุโส งานเลี้ยงรับรอง การจัดผังที่นั่ง รูปแบบการจัดโต๊ะประชุม/ลงนามความตกลง การแนะนำคนให้รู้จักกัน ธรรมเนียมต่าง ๆ ที่จำเป็น                        

3.2  ผู้เข้าร่วมกิจกรรมรวม 92 ราย เป็นบุคลากรกรมที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวข้องกับการรับรองแขกต่างประเทศในกิจกรรมต่าง ๆ ของกรม                      

3.3 ผลการประเมินการจัดกิจกรรม                          

  • ผู้ตอบแบบสอบถาม จำนวน 74 ราย
  • การประเมินโครงการ ผู้เข้ารับการอบรมมีความพึงพอใจในการฝึกอบรมครั้งนี้โดยรวม ร้อยละ 91.08 ความรู้ ความเข้าใจในเนื้อหาก่อนเข้าร่วมการอบรม ร้อยละ 47.57 หลังเข้าร่วมการอบรม ร้อยละ 84.05 มีความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นร้อยละ 99 เนื้อหาเป็นประโยชน์และสอดคล้องกับการปฏิบัติงานของบุคลากรร้อยละ 89.46 ความเหมาะสมของวิธีการจัดอบรมร้อยละ 89.73 ความเหมาะสมของระยะเวลา ร้อยละ 85.68 ความเหมาะสมของสื่อโสตทัศนูปกรณ์และเอกสารประกอบร้อยละ 87.03
  • การประเมินวิทยากร ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ ความสามารถหรือประสบการณ์  ร้อยละ 94.05 ความสามารถในการถ่ายทอด/สื่อสารให้เข้าใจได้อย่างชัดเจนร้อยละ 94.59  ความเหมาะสมของวิทยากรโดยรวมร้อยละ 94.32
  • ประโยชน์จากการเข้าร่วมกิจกรรม การจัดอบรมนี้เป็นการส่งเสริมการสร้างคุณค่าให้กับบุคลากรของกรมให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ากับทรัพยากรที่เสียไปร้อยละ 91.35 สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปเผยแพร่/ถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้ ร้อยละ 88.38 ประโยชน์จากการเข้าร่วมอบรมในภาพรวมร้อยละ 91.35                

4. ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ 
                   
4.1 ในโอกาสต่อไป ผู้เข้าอบรมสนใจจะเรียนรู้ในหัวข้อ ดังนี้                           

  • การฝึกปฏิบัติเกี่ยวกับมารยาทในการรับแขกและมารยาทบนโต๊ะอาหาร                           
  • การเจรจาทางการฑูต/การค้า                           
  • รูปแบบการเขียน Speech ทางการ/Speech งานพิธีต่าง ๆ (ไทยและอังกฤษ)                           
  • การแต่งกายและการพัฒนาบุคลิกภาพ                           
  • การพูด นำเสนอ Present งาน                           
  • Service Design, Design Thinking
  • การเขียนเอกสารราชการเป็นภาษาอังกฤษ  
4.2 ข้อเสนอแนะอื่นๆ                           
  • เนื้อหาเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานอย่างยิ่ง วิทยากรพูดสนุกไม่น่าเบื่อ 
  • มีตัวอย่างทำให้เข้าใจง่าย                           
  • ควรเพิ่มเวลามากขึ้น

จัดทำโดย
กลุ่มงานพัฒนาบุคลากรและคุ้มครองจริยธรรม
สำนักบริหารกลาง
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
โทร. 025078133

ขอขอบพระคุณภาพถ่ายและวิดีทัศน์จากสำนักประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร


ผู้ได้รับการเสนอชื่อเพชรพาณิชย์ปี 2563

ผู้ได้รับการเสนอชื่อเพชรพาณิชย์ปี 2563 1. สาขาข้าราชการสำหรับส่วนกลาง 1 ราย คือ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ  นายสมเด็จ สุสม...